Press ข่าววันนี้ 22 กรกฎาคม 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 155
รมช.สธ.ชัยชนะ นำกรมสุขภาพจิตและผู้บริหารเขตสุขภาพที่ 11 ตรวจเยี่ยมสวนสราญรมย์ ชูนโยบายคืนคนคุณภาพสู่สังคม เดินหน้าฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
วานนี้ (22 กรกฎาคม 2568) กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมสุขภาพจิต เดินหน้าฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดด้วย “สวนสราญรมย์โมเดล” ที่เน้นการบำบัดอย่างมีมนุษยธรรม ควบคู่แนวทาง FAST และ Matrix model พร้อมผลักดันความร่วมมือกับ อปท. และใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการดูแลผ่านแอป “คุยกัน” และ “ล้อมรักษ์” พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ “มินิธัญญารักษ์” ทั่วประเทศ เสริมแผนพัฒนาอาชีพ ลดเสพซ้ำ และยกระดับสุขภาพจิตอย่างรอบด้าน
นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหน่วยบริการสุขภาพจิตหลักของภาคใต้ พร้อมมอบนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก โดยย้ำแนวทางรัฐบาลในการ “คืนคนคุณภาพสู่สังคม” ด้วยการเน้นให้การบำบัดผู้ใช้ยาเสพติดอย่างครบวงจร คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยใช้ “สวนสราญรมย์โมเดล” เป็นต้นแบบ ที่เน้นการเข้าถึงเร็ว รักษาเร็ว และฟื้นฟูเร็ว ส่งผลให้ปี 2568 อัตราการกลับคืนสู่สังคมและประกอบอาชีพเพิ่มสูงถึงร้อยละ 89.4 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปประกอบอาชีพเดิม หรือเข้าสู่ระบบการศึกษาได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ยังได้ผลักดันความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการสนับสนุนการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่นำร่องคือจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีนโยบายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิต โดยได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “คุยกัน (KhuiKun)” บนแพลตฟอร์ม LINE Official Account เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพจิต การให้คำปรึกษาเบื้องต้น ติดตามผู้รับบริการ และประสานส่งต่อกรณีจำเป็นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเสริมสร้างระบบสุขภาพจิตในยุคดิจิทัลให้ครอบคลุมและยั่งยืน
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตเดินหน้าผลักดันนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขใน 5 ประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการสุขภาพจิตทั้งในรูปแบบการขยายช่องทางเดิม เช่น สายด่วน เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ตลอดจนการสร้างช่องทางใหม่อย่าง Line Official Account และ Messenger เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น พร้อมขยายบริการเชิงรุกด้วยรถโมบายคลายเครียดที่สามารถให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รองรับ 100–150 คนต่อครั้ง รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการ “Thailand Triple-P” เสริมสร้างทักษะการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย และโครงการ “วัยรุ่นติดเกราะ Bully to Buddy” โดยได้ลงนาม MOU กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและวางแผนอบรมครู ศพด. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่นำร่อง พร้อมทั้งตอบสนองนโยบายด้วยการอบรมศูนย์ดูแลเด็กเล็กในเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ครอบครัวและผู้ปกครอง อีกทั้งจะร่วมมือกับหน่วยสาธารณสุขในท้องถิ่นเพื่อจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนศูนย์ฯ อย่างครอบคลุม เพื่อรองรับบริการในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืนใน ระยะยาว
23 กรกฎาคม 2568