Press 111268

 

กรมสุขภาพจิต เดินหน้าฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดด้วยชุมชนเป็นฐาน ขยายโมเดล CBRx ครอบคลุมทั่วประเทศ

            วานนี้ (11 ธันวาคม 2568) กรมสุขภาพจิต จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสรุปผลการฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดด้วยชุมชนเป็นฐาน พร้อมนำผลวิจัยมาพัฒนาคู่มือและแนวทางมาตรฐาน CBRx เพื่อขยายผลทั่วประเทศ โดยร่วมกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เสริมพลังชุมชนให้ดูแลผู้ใช้สารเสพติดได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

            นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการดำเนินงานการฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดด้วยชุมชนเป็นฐาน (CBRx) เป็นเวทีสำคัญในการผลักดันนโยบายยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุขที่เน้นระบบบริการแบบบูรณาการ ครอบคลุมการป้องกัน ค้นหา คัดกรอง บำบัด ฟื้นฟู และติดตามต่อเนื่อง โดยย้ำหลักการ “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ที่ต้องได้รับการดูแลตามมาตรฐานสาธารณสุข พร้อมทบทวนความก้าวหน้าในพื้นที่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และกำหนดแนวทางเพื่อขยายผล CBRx ให้เข้มแข็งขึ้นในระดับจังหวัดและอำเภอ โดยมีกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ช่วยประสานงาน ตั้งคณะทำงาน ติดตามผล และกำหนดตัวชี้วัดร่วม เช่น อัตราการใช้สารเสพติดหรือความรุนแรงที่เกี่ยวข้อง การดำเนินงาน CBRx อาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งตำรวจที่ทำหน้าที่ค้นหา คัดกรอง นำส่งโรงพยาบาล และจัดจุดเฝ้าระวังชุมชน สาธารณสุขที่รับผิดชอบการคัดกรอง บำบัด ส่งต่อ และรายงานต่อ พชอ. ผู้นำท้องถิ่นและชุมชนที่ทำหน้าที่สำรวจบ้านเสี่ยง จัดประชาคม จัดกิจกรรมป้องกันเยาวชน และเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงอสม. และครอบครัวที่ช่วยดูแลผู้บำบัดในช่วงฟื้นตัวและปรับตัวกลับสู่สังคม ซึ่งทั้งหมดเป็นฐานสำคัญของการลดการกลับไปใช้ซ้ำและสร้างชุมชนเข้มแข็ง

            นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการวิจัยเพื่อขยายผล CBRx ซึ่งดำเนินงานแล้วเสร็จได้ช่วยยกระดับทีมวิทยากรและพัฒนามาตรฐานคู่มือ โดยเฉพาะ “คู่มือครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง” ที่รวบรวมเนื้อหาเรื่องสมองติดยาแนวทางป้องกันโดยใช้ 3 มาตรการ (Universal  Selective and Indicated) การสร้างภูมิคุ้มกันด้วย 3 สร้าง (สร้างเยาวชน  สร้างพื้นที่ปลอดภัย และสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ) และ 4 พัฒนา (ระบบส่งต่อ จิตอาสา อาชีพ และสายใยครอบครัว) รวมถึงอาการสำคัญเชิงระบบที่ควรเฝ้าระวังและวิธีช่วยเหลือที่ทำได้ในชุมชน การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วม 136 คน จากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและท้องถิ่น รวมถึง UNODC และ สสส. ซึ่งสะท้อนความร่วมมือที่แข็งแรงและพร้อมขยายผลจาก 12 จังหวัดในปี 2568 ไปสู่ 76 จังหวัดทั่วประเทศในปี 2569 กรมสุขภาพจิตเชื่อว่า ความร่วมมือนี้ จะช่วยสร้างระบบฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดที่ยั่งยืน ลดการกลับไปใช้ซ้ำ และช่วยให้ผู้ใช้ยาเสพติดกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพและศักดิ์ศรีต่อไป ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตขอย้ำว่า การฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดด้วยชุมชนเป็นฐานเป็นแนวทางที่สร้างผลลัพธ์อย่างยั่งยืนได้เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข ชุมชน และภาคสังคม การประชุมในครั้งนี้จึงไม่เพียงสะท้อนความก้าวหน้าเชิงวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการขยายพลังเครือข่ายระดับพื้นที่ให้เข้มแข็ง รองรับการขับเคลื่อนนโยบายยาเสพติดของประเทศในระยะยาว เพื่อให้ผู้ใช้ยาเสพติดสามารถกลับคืนสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรีและคุณภาพชีวิตที่ดี

             ดร.นายแพทย์ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า จากข้อมูลคาดการณ์ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้สารเสพติดในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กว่า 1.9 ล้านคน และเมื่อปี 2564 มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดปี พ.ศ. 2564 ตามหลักการเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ทำให้ผู้ใช้ยาเสพติดเข้าสู่ระบบดูแลรักษาฟื้นฟูด้านการแพทย์ในโรงพยาบาลและดูแลฟื้นฟูด้านสังคมในชุมชนควบคู่กันไป โดยข้อแนะนำของ UNODC แนะให้ใช้การฟื้นฟูโดยชุมชนเป็นฐาน เพื่อใช้พลังชุมชนในการเยียวยาด้านจิตใจและสังคมในผู้เสพใช้ยาเสพติด หลายภาคส่วนจึงร่วมกันดำเนินการ และสสส.ได้ร่วมกับแผนงานพัฒนานโยบายสาธารณะด้านสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ดำเนินการถอดบทเรียนปัจจัยสำเร็จของ CBTx ในจังหวัดนำร่องที่ดำเนินการในปี 2566 รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อประเมินการขยายผลการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน ในพื้นที่ชุมชน 12 จังหวัด ทำให้มีคู่มือและหลักสูตรและโปรแกรมเสริมพลังชุมชนในการฟื้นคืนผู้ใช้ยาเสพติด
โดยชุมชนสำหรับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อไปใช้ในการขยายผลการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐาน และได้ประเมินประสิทธิผลของคู่มือที่ใช้ปฏิบัติงานควบคู่กับการอบรมแล้ว พบว่าแนวทางจากคู่มือที่เน้นการใช้กระบวนการกลับคืนสู่ชุมชน (Social Reintegration) และการสร้างชุมชนที่สนับสนุน การคืนสู่สุขภาวะ (Recovery Communities) ทำให้เกิดผลดีในระยะยาว มีอัตราการหยุดเสพถึงร้อยละ 35 จึงได้สรุปบทเรียน ข้อค้นพบ และข้อเสนอนโยบายเพื่อนำไปขยายผลการดูแลผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นฐานต่อไป

********************

12 ธันวาคม 2568

 

Ribbon