Press ข่าววันนี้ 16 สิงหาคม 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 73
กรมสุขภาพจิต ห่วงใยประชาชนจากความเครียดในสถานการณ์ชายแดน แนะสังเกตสัญญาณเสี่ยง พร้อมดูแลตนเองและคนใกล้ชิดเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความรุนแรง
วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) กรมสุขภาพจิตเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งต้องเผชิญความกดดันทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งความหวาดกลัว ความตระหนก
การพลัดพรากจากครอบครัว ต้องอยู่ห่างบ้าน หรือสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง พร้อมชี้การดูแลสุขภาพจิตที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความรุนแรงต่อตัวเองและผู้อื่น
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในชายแดนที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนหนึ่งต้องเผชิญกับความกดดันทั้งทางกายและใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ ทั้งความหวาดกลัว ความตระหนก รวมไปถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ที่นอกจากจะมีความเสียใจต้องพลัดพรากจากครอบครัว อยู่ห่างบ้าน หรือสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ก็ยังมีความหวาดระแวงในสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์กระทบจิตใจอย่างรุนแรง ปัจจัยที่ทำให้ประชาชนเกิดความเครียดและความกดดัน มีหลายประการ ได้แก่ 1. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ไม่รู้ว่าปัญหาจะยุติลงเมื่อใด ทำให้เกิดความกังวลและความรู้สึกไร้ความมั่นคง 2. การพลัดพรากและการสูญเสีย แยกจากบุคคลอันเป็นที่รัก
สูญเสียบ้านหรือทรัพย์สิน เป็นการสูญเสียทั้งสิ่งที่ผูกพันทางใจและฐานะความเป็นอยู่ 3. แรงกดดันทางเศรษฐกิจ รายได้ลดลง การทำงานหยุดชะงัก ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายกลายเป็นความเครียดสะสม 4. สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการฟื้นฟูจิตใจ ที่อยู่อาศัยชั่วคราวหรือพื้นที่แออัด ขาดความเป็นส่วนตัว ทำให้ผ่อนคลายได้ยาก 5. ความกลัวและข่าวสารที่กระทบใจ การรับข่าวสารซ้ำ ๆ หรือข่าวลือที่ไม่เป็นจริง อาจทำให้เกิดความวิตกกังวลเกินจริง สถานการณ์เช่นนี้ หากขาดการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะเครียดเรื้อรัง นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ ได้ ดังนั้น การให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที การอยู่เคียงข้างด้วยความเข้าใจและการดูแลสุขภาพจิตที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความรุนแรงต่อตัวเองและผู้อื่น
นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถสังเกตสัญญาณความเครียด ได้จากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหารหรือกินมากผิดปกติ หงุดหงิดง่าย ใจสั่น ร้องไห้บ่อย
หรือถอนตัวจากสังคม ไม่อยากพูดคุยกับใคร วิธีการดูแลตนเองเบื้องต้น สามารถทำได้ดังนี้ 1. ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ 2. จำกัดการเสพข่าวสารที่กระทบใจ เลือกรับข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และกำหนดเวลาเสพข่าว เพื่อลดความตึงเครียด 3. ใช้เทคนิคผ่อนคลายจิตใจ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ พูดคุยและขอความช่วยเหลือ เปิดใจเล่าความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 4. สร้างกิจวัตรประจำวันที่มีความหมาย วางแผนทำสิ่งเล็ก ๆ ที่สำเร็จได้ในแต่ละวัน เพื่อสร้างกำลังใจ
และความรู้สึกควบคุมชีวิต การดูแลจิตใจของเราเองคือการเสริมภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ และหากพบว่าความเครียดรบกวนชีวิตประจำวัน ควรขอความช่วยเหลือโดยไม่ลังเล
กรมสุขภาพจิตขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้าระวังสุขภาพจิตของตนเองและคนใกล้ชิด และใช้ความเข้าใจเป็นพื้นฐานของการช่วยเหลือ เพื่อให้สังคมไทยผ่านพ้นความตึงเครียดในครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็งและปลอดภัย ทั้งนี้หากรู้สึกเครียดหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
********************
16 สิงหาคม 2568