Press 090968

 

 

กรมสุขภาพจิต เน้นย้ำโรคทางจิตเวชเป็นโรคที่รักษาได้ สังคมต้องไม่ตีตราผู้ป่วย

       วันนี้ (9 กันยายน 2568) กรมสุขภาพจิตเผย WHO ชี้ 1 ใน 8 ของประชากรโลกเผชิญปัญหาสุขภาพจิต พร้อมย้ำกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยตาม พ.ร.บ. สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 ห้ามเผยแพร่ข้อมูลเชิงลบหรือก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ สร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้ในสังคม ลดอคติต่อผู้ป่วย และส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพและคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน

      นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว และโรคจิตเภท เกิดจากความผิดปกติของสมองและสารสื่อประสาท ซึ่งเป็นกลไกทางชีววิทยาที่สามารถอธิบายได้เช่นเดียวกับโรคทางกาย เช่น เบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือดและการไหลเวียนเลือด ผู้ป่วยจิตเวชจึงไม่ควรถูกตีตราหรือเหมารวมว่าเป็นบุคคลผิดปกติ แปลกแยก การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุและลักษณะของโรคจะช่วยลดอคติและความหวาดกลัวในสังคม และในปัจจุบันการรักษาโรคทางจิตเวชทั้งด้วยยาและการบำบัดทางจิตสังคมมีประสิทธิภาพสูง สามารถควบคุมอาการ ฟื้นฟูสมรรถภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยดำรงชีวิต ทำงาน เรียนรู้ และสร้างสัมพันธภาพทางสังคมได้เป็นปกติหรือใกล้เคียงกับปกติ จึงอยากเชิญชวนให้สื่อมวลชนทุกช่องทาง ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคทางจิตเวช เพื่อลดอคติ ลดการแบ่งแยกและช่วยทำให้ผู้ป่วยและผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตได้กล้าที่จะมาขอรับการรักษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคม

       นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติสุขภาพจิต โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. การสร้างเสริมสุขภาพจิต มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ถูกต้องต่อผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต ลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติ 2. การป้องกันและควบคุม เพื่อป้องกันและควบคุมปัจจัยที่คุกคามสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ความรุนแรง และสารเสพติด รวมทั้งการป้องกันเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม 3. การบำบัดรักษาและฟื้นฟู ให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตได้รับการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างเหมาะสม ฟื้นฟูสมรรถภาพ และคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อกลับมาดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่า และ 4. การคุ้มครองสิทธิ โดยคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ป่วยจิตเวชอย่างรอบด้าน ทั้งสิทธิในการเข้าถึงการรักษา การรักษาความลับ ความปลอดภัยจากการวิจัย และการได้รับบริการที่เท่าเทียม เสมอภาคไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างระบบสุขภาพจิตที่มีคุณภาพและยั่งยืนของประเทศ

********************

9 กันยายน 2568