กรมสุขภาพจิต ผนึกกำลังตำรวจสอบสวนกลาง, Meta, เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) และ Social Influencers จัดงาน Day of Hope : วันความหวัง ในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ชูผลงาน HOPE Task Force ช่วยได้กว่าพันรายใน 4 ปี

           วันนี้ (10 กันยายน 68) กรมสุขภาพจิต ร่วมกับ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB), Meta Platforms, Inc. (Meta) และบริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึง Social Influencers เช่น Drama-Addict และ หมอแล็บแพนด้า และองค์กรระหว่างประเทศ/ภาคประชาสังคม ได้แก่ WHO และ Samaritans Thailand ร่วมจัดงาน Day of Hope วันแห่งความหวัง ณ Meeting Room 4–5, TRUE ICON HALL ชั้น 7 ศูนย์การค้า ICONSIAM ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พร้อมชูทุกชีวิตมีคุณค่า และทุกคนในสังคมสามารถเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการช่วยชีวิตได้ขอเพียงเราร่วมมือกัน เชื่อมโยงข้อมูล ร่วมพัฒนาระบบเตือนภัย สร้างเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเพื่อช่วยผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะเปราะบางให้ผ่านพ้นวิกฤตได้

          นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ทุกวันที่ 10 กันยายน ของทุกปี องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ได้กำหนดวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day) ขึ้น โดยริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันการฆ่าตัวตาย รวมทั้งเป็นเวทีในการส่งเสริมความเข้าใจ ลดการตีตรา และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในระดับท้องถิ่น ชุมชน และนานาชาติ ในการป้องกันการสูญเสียจากการฆ่าตัวตาย โดยนับตั้งแต่ปี 2564 กรมสุขภาพจิต กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ Social Influencers เช่น Drama-Addict และ หมอแล็บแพนด้า ได้ริเริ่มความร่วมมือสำคัญภายใต้ชื่อ “HOPE Task Force” ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานหลักทั้งภาครัฐ ภาควิชาชีพ และภาคประชาสังคม ซึ่งปัจจุบันได้ช่วยเหลือผู้มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมาแล้วทั้งสิ้น 1,129 ราย สะท้อนให้เห็นว่า “การรับฟังอย่างเข้าใจ” และ “การอยู่เคียงข้างด้วยความหวัง” มีพลังมากเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้นการทำงานของ HOPE Task Force ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก Meta Platforms, Inc. (Meta) และ บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างโลกออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงทำให้การทำงานร่วมกันนี้กลายเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยลดการสูญเสียจากการฆ่าตัวตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความหวัง ร่วมกันป้องกันไม่ให้การสูญเสียเกิดขึ้น

          พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายไม่สามารถจัดการได้โดยลำพังจากภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน “การป้องกันการฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยพลังของทั้งสังคม รัฐบาลมีหน้าที่กำหนดนโยบายและสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานแต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่สามารถช่วยคัดกรองสัญญาณเตือน และเชื่อมต่อผู้ที่เสี่ยงเข้าสู่ระบบการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที รวมถึงภาคประชาชนที่ต้องร่วมกันสังเกต รับฟัง และส่งต่อความช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม” ความร่วมมือในลักษณะ “HOPE Task Force” เป็นตัวอย่างของการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่สามารถขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันการฆ่าตัวตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน โดยในปีนี้ Meta Platforms, Inc. (Meta) และ บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด ขยายการสร้างเครือข่ายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างชุมชนแห่งการให้ความหวังที่มีความยั่งยืน

          โดยภายในงานยังมีการจัดเสวนา 2 ช่วงสำคัญ คือ หัวข้อ “การร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมผ่าน HOPE Task force (A whole-of-society approach through the HOPE Taskforce)” โดยมี นพ.อาทิตย์ เล่าสุอังกูร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., หมอแล็ปแพนด้า และคุณยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประเทศไทย บริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเสวนา และในหัวข้อที่ 2 “สร้างสภาพแวดล้อมทางออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น How to create a safer online space” โดยมี ผู้แทนสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์, Drama-Addict, Malina Enlund, Head of Safety Policy, APAC, Meta Platforms, Inc. (Meta), และ ดร.พนมพร พุ่มจันทร์ นายกสมาคมสะมาริตันส์แห่งประเทศไทย ร่วมเสวนา อีกด้วย

********************

10 กันยายน 2568

• ก่อนหน้า
• ต่อไป