Press 140267

 

กรมสุขภาพจิต ขานรับแนวคิด กระทรวงสาธารณสุขสร้างสุข เติมรัก โอบอุ้มสังคมไทย พร้อมชวนคนไทยรักตนเองให้ได้ และรักผู้อื่นให้เป็น เพื่อสร้างสังคมให้ไทยน่าอยู่ ในเทศกาลแห่งความรัก

            วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2567) กรมสุขภาพจิต รับต่อยอดแนวคิด สร้างสุข เติมรัก โอบอุ้มสังคมไทย พร้อมแนะนำสังคมให้ความสำคัญกับการรักตนเองให้ได้ พร้อมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรักให้กับคนรอบข้างให้เป็น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงและสร้างสังคมไทยให้น่าอยู่

            นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรม สร้างสุข เติมรัก โอบอุ้มสังคมไทยเนื่องในโอกาสเดือนแห่งความรัก กรมสุขภาพจิตจึงมีคำแนะนำที่สำคัญที่อยากจะสื่อสารไปยังประชาชนทุกท่าน เพราะที่ผ่านมาสังคมอาจจะให้ความสำคัญกับการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรักให้กับคนรอบข้าง จนบางครั้งละเลยความรู้สึกของตนเอง เพื่อให้ทุกคนมีแรงกำลังที่จะร่วมโอบอุ้มสังคมได้นั้น จึงอยากขอให้เริ่มที่รักตัวเอง โดยใช้ 6 เทคนิคในการมอบความสุขให้แก่ตนเอง ได้แก่ 1. เขียนบันทึกสิ่งที่ดีในแต่ละวันซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ เพราะการเขียนสิ่งดีดีที่เกิดขึ้นถึงแม้จะเป็นเรื่องราวเล็กน้อยแต่จะทำให้สามารถมองเห็นได้ถึงความสุขที่เกิดขึ้นได้จากตนเอง 2. ใจดีกับตนเอง การที่เราต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆ แต่หากรู้จักวิธีในทางที่จะให้กำลังใจหรือปลอบใจเมื่อต้องเผชิญเรื่องราวที่ไม่ต้องการ สิ่งนี้จะทำให้เกิดพลังใจและยังสามารถที่จะเป็นแรงงานส่งต่อให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย 3. เป็นผู้ให้เพราะเมื่อเรามีความเข้มแข็งในตนเองและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ จะทำเกิดความสุขขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกถึงตนเองเป็นผู้มีคุณค่า 4. พูดคุยกับตนเองเหมือนเป็นเพื่อนที่ตนเองรักมากที่สุด เพราะบางครั้งอาจจะเกิดความทุกข์หรือความไม่มั่นใจหรือมีปัญหาที่มาจากความคิดของตนเอง ดังนั้นการให้กำลังใจตนเองหรือการสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ปิดกั้นตนเอง ก็จะเป็นสิ่งที่สร้างความสุขได้อีกช่องทางหนึ่ง 5. รักตัวเอง ซึ่งการรักตัวเองนั้นไม่ได้หมายถึงการให้ เพียงอย่างเดียว ยังหมายถึงการไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความทุกข์และหันมาให้ความสุข ดูแลทางกาย ดูแลจิตใจและเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างใกล้ชิด 6. ให้อภัยกับตัวเอง เพราะในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเราจะให้อภัยตัวเองได้ หากมองเห็นความผิดพลาดเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะปรับปรุงและตัดสินใจดีขึ้นด้วย

           นายแพทย์จุมภฎ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า นอกจากการรักตนเอง กรมสุขภาพจิตยังมีความหวังที่ต้องการให้ทุกคนในสังคมร่วมกันแสดงความรักโดยใช้หลักการ 3 ให้ ประกอบด้วย 1. ให้เวลา เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในการสร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะการให้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือผู้ที่ทำงานร่วมกัน สิ่งนั้นจะทำให้มีโอกาสมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น 2. ให้ความสุข การให้ความสุขไม่จำเป็นต้องทำโดยการให้สิ่งของ เพียงแต่สามารถทำได้โดยการสนับสนุนให้กำลังใจหรือละเว้นจากการกระทำที่อีกฝ่ายไม่ชอบ หรือหากต่างฝ่ายต่างมีความชอบไม่เหมือนกัน ให้หาจุดเหมาะสมเพื่อประนีประนอมทั้งสองฝ่าย 3. ให้เกียรติกัน เป็นการแสดงการชื่นชมและไม่ทำร้ายกัน ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากจะทำให้ตนเองหรือผู้ที่ได้รับความรักมีความสุขแล้ว การให้เกียรติยังเป็นที่มาของการนำไปสู่สังคมที่น่าอยู่อีกด้วย

          แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า การให้ความรักต้องเริ่มต้นการสร้างความเข้าใจกัน โดยสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ในครอบครัว ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ยังการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยวิธีการเริ่มจากการรับฟังกันอย่างตั้งใจ เพื่อให้เข้าใจความคิด ความต้องการของกัน และเพิ่มการสื่อสารเชิงบวก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยกัน พูดคุยเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน โดยการบอกความรู้สึก ความต้องการ ความเป็นห่วงของตนเองอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้รับฟังเข้าใจความรู้สึกที่หวังดีของเราโดยไม่ตั้งแง่ตนเอง กระทำด้วยความรัก เพราะเมื่อใช้อารมณ์เป็นสื่อกลางทุกฝ่ายก็จะรับรู้ถึงแค่ความโกรธ ความไม่พอใจถึงพฤติกรรมของอีกฝ่าย สมาชิกในครอบครัวต้องสังเกตความขัดแย้งที่เด็กจัดการด้วยความสร้างสรรค์ไม่ได้ เพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงในอนาคตอีกด้วย

          กรมสุขภาพจิตขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกัน สอดส่องสมาชิกในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด อาจมีปัญหามาจากเรื่องสุขภาพจิต สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนช่วยเหลือ หรือโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้น เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสายเกินไปและสังคมไทยน่าอยู่

                                                                    

*******************************

14 กุมภาพันธ์ 2567